ที่มาของเรื่อง
นิทานเวตาล ฉบับนิพนธ์ พระราชวงศ์เธอ
กรมหมื่นพิทยาลงกรณ มีที่มาจากวรรณกรรมสันสกฤตของอินเดีย โดยมีชื่อเดิมว่า “เวตาลปัญจวิงศติ” ศิวทาสได้แต่งไว้ในสมัยโบราณต่อมาได้มีผู้นำนิทานเวตาลทั้งฉบับภาษาสันสกฤตและภาษาฮินดีมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ
โดยร้อยเอก เซอร์ ริชาร์ด เอฟ. เบอร์ตัน ก็ได้นำมาแปลและเรียบเรียงแต่งแปลงเป็นสำนวนภาษาของตนเองให้คนอังกฤษอ่าน
แต่ไม่ครบทั้ง 25 เรื่อง กรมหมื่นพิทยาลงกรณ
ได้ทรงแปลนิทานเวตาลจากฉบับของเบอร์ตัน จำนวน 9 เรื่อง และจากฉบับแปลสำนวนของ ซี.
เอช. ทอว์นีย์ อีก 1 เรื่อง
รวมเป็นฉบับภาษาไทยของกรมหมื่นพิทยาลงกรณ 10 เรื่อง เมื่อ พ.ศ. 2461 นิทานเวตาลเป็นนิทานที่มีลักษณะเป็นนิทานซับซ้อนนิทาน
คือ มีนิทานเรื่องย่อยซ้อนอยู่ในนิทานเรื่องใหญ่
ลักษณะการแต่ง
นิทานเวตาล แต่งเป็นร้อยแก้ว โดยนำทำนองเขียนร้อยแก้วของฝรั่งมาปรับเข้ากับสำนวนไทยได้อย่างกลมกลืน
และไม่ทำให้เสียอรรถรส แต่กลับทำให้ภาษาไทยมีชีวิตชีวา
จึงได้รับยกย่องเป็นสำนวนร้อยแก้วที่ใหม่ที่สุดในยุคนั้น เรียกว่า “สำนวน น.ม.ส.”
จุดมุ่งหมาย
แต่งเพื่อสอนให้มนุษย์รู้จักคิดให้รอบคอบ
ไตร่ตรองให้ดี การใช้ปัญญาอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไ-ปัญหาได้ตลอด
ต้องมีสติกำกับปัญญา จึงจะผ่านปัญหาต่างๆไปได้
ประวัติผู้แต่ง
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ทรงชำนาญด้านภาษาและวรรณคดีเป็นพิเศษ ได้นิพนธ์หนังสือไว้มากมายโดยใช้นามแฝง “น.ม.ส.” ซึ่งทรงเลือกจากอักษรตัวหลังพยางค์ของพระนาม(พระองค์เจ้า) “รัชนีแจ่มจรัส”
พระนามแฝง “น.ม.ส.” เป็นที่รู้จักกันดีในนามนักเขียนและกวีที่มีโวหารพิเศษ
คือ คมคายและขบขัน เมื่อทรงเขียนเรื่องชีวิตของนักเรียนเมืองอังกฤษ
ลงในหนังสือ วชิรญาณครั้งแรกผู้อ่านก็ชอบใจทันที เพราะมีความแปลกใหม่ทั้งแนวเขียนแนวคิด ความชำนาญทางภาษาเยี่ยมยอด
จึงได้ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสูงทางคุณวุฒิหลายครั้ง เช่น องคมนตรี สภานายก ราชบัณฑิตยสถาน เป็นต้น
พระองค์ได้ทรงตั้งโรงพิมพ์และมีกิจการพิมพ์ส่วนพระองค์ที่ถนนประมวญ
และทรงออกหนังสือเครือประมวญ ชื่อประมวญวัน
และประมวญมารค
งานนิพนธ์มีทั้ง ๒ ประเภท ดังนี้
๑.ประเภทร้อยแก้ว
ได้แก่ จดหมายจางวางหร่ำ นิทานเวตาล สืบราชสมบัติ ตลาดเงินตรา พระนางฮองไทเฮา
และที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่ บทความหน้า ๕ ในหนังสือประมวญวัน
๒.ประเภทร้อยกรอง
ได้แก่ กนกนครคำกลอน พระนลคำฉันท์ สามกรุง
เนื้อเรื่องย่อ
ในโบราณกาล มีเมืองที่ใหญ่เมืองหนึ่งชื่อ
กรุงธรรมปุระ พระราชาทรงพระนามว่า ท้าวมหาพล
มีพระมเหสีที่ทรงสิริโฉมงดงามแม้มีพระราชธิดาที่ทรงเจริญวัยแล้ว
ต่อมาได้เกิดศึกสงครามทหารของท้าวเอาใจออกห่าง ทำให้ทรงพ่ายแพ้
พระองค์จึงทรงพาพระมเหสีและพระราชธิดาหลบหนีออกจากเมืองเพื่อไปเมืองเดิมของพระมเหสี
ในระหว่างทางท้าวมหาพลได้ถูกโจรรุมทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์และสิ่งของมีค่า
จนพระองค์สิ้นพระชนม์ จนพระราชธิดาและพระมเหสีเสด็จหนีเข้าไปในป่าลึก
ในเวลานั้นมีพระราชาทรงพระนามว่า ท้าวจันทรเสน
กับพระราชบุตร ได้เสด็จมาประพาสป่าและพบรอยเท้าของสตรีซึ่งเมื่อพบสตรีทั้งสองจะให้รอยเท้าที่ใหญ่เป็นพระมเหสีของท้าวจันทรเสน
และรอยเท้าที่เล็กเป็นพระชายาของพระราชบุตร แต่เมื่อพบนางทั้งก็ปรากฏว่า
รอยเท้าที่ใหญ่คือพระราชธิดา และรอยเท้าที่เล็ก นั้นคือ พระราชมารดา
ดังนั้นพระราชธิดาจึงเป็นพระมเหสีของท้าวจันทรเสน
และพระมารดาได้เป็นพระชายาของพระราชบุตร
ข้อคิดที่ได้รับ
หากมนุษย์รู้จักใช้ปัญญาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วยและรอบด้าน แม้ปัญหาจะยากเย็นซับซ้อน เพียงใดก็สามารถแก้ไขหรือทำความเข้าใจได้เสมอ แต่การใช้ปัญญาเพียงอย่างเดียวมิอาจแก้ปัญหาทุกสิ่งได้เสมอไป มนุษย์ต้องมีสติกำกับปัญญาของตนด้วยการใช้สติปัญญาควบคู่กันไป คือหลักสำคัญในการนำมนุษย์ไปสู่ความสำเร็จ อีกทั้งคำพูดของมนุษย์มีความสำคัญยิ่ง เพราะคำพูดเป็นสิ่งที่ต้องรักษาดังนั้นหาพูดออกมาโดยมิได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้รอบด้านเสียก่อน ก็จะนำหายนะหรือปัญหาซึ่งยากจะแก้ไขมาสู่ตนได้ ความกล้าหาญมุ่งมั่นและความเพียรเป็นคุณลักษณะที่น่าชื่นชม